วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

Intel Core i7-980X Extreme Edition





      หลังจากเปิดตัวซีพียูสุดร้อนแรงที่สุดในโลกในตระกูล Core i7 จาก Intel ซึ่งใช้รหัสโค้ดเนมว่า Bloomfield ไปเมื่อปลายปี 2008 ก็ดูเหมือนทางอินเทลจะหันความสนใจไปทุ่มเทให้กับซีพียูน้องใหม่ในตระกูล Lynnfield และ Clarksfield แทน จนแทบจะไม่ได้เห็นซีพียูรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ซ็อกเก็ต 1366 ออกมาให้เห็นอีกเลยเป็นเวลาปีกว่าๆ จนมาบัดนี้ทางอินเทลจึงได้กลับมาปลุกฟื้นคืนสุดยอดซีพียูในรุ่นใหญ่สุดอีกครั้งด้วยซีพียูโค้ดเนม Gulftown



  Intel Core i7-980X Extreme Edition ขึ้นแท่นมาเป็นซีพียูสำหรับพีซีเดสก์ทอปที่แรงที่สุดในโลกแทนรุ่นพี่อย่าง Core i7-975X ซึ่งออกมาเมื่อปีก่อน โดยจะเปลี่ยนจากการใช้สถาปัตยกรรมในการผลิตในแบบ Nehalem 45 nm มาเป็น Westmere 32 nm แทน ส่งผลให้ต้องใช้จำนวนทรานซิสเตอร์ที่สูงมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยแต่ความร้อนก็ลดน้อยลงกว่าเดิมเช่นกัน โดยจากเดิมที่ใช้ 731 ล้านตัวก็เพิ่มมาเป็น 1170 ล้านในรุ่นนี้แทนนับว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงกว่า 300 ล้านตัวเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ซีพียูรุ่นแรกที่เปิดตัวเพราะก่อนหน้านี้ก็มีซีพียูในตระกูล Clarkdale ที่รวมเอาชิปกราฟิกไว้ในตัวออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนอัตราการบริโภคไฟก็ยังคงอยู่ที่ระดับ 130W TDP ไม่แตกต่างจากในรุ่นก่อนหน้านี้แต่อย่างใด


  ทางด้านความเร็วนั้นก็จะเท่ากับตัว 975X คือที่ 3.33GHz พร้อมกับความเร็ว QPI ที่ 6400 MT/s เท่ากันเพียงแต่ 980X ตัวนี้จะมี QPI มาให้ถึง 2 ชุด ซึ่งต่างจากในรุ่นก่อนที่จะมีเพียงชุดเดียวเท่านั้น โดยมีจุดที่เปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือการเปลี่ยนจากซีพียูในแบบ Quad Core หรือ 4 คอร์ 8 เทรด มาเป็นซีพียูในแบบ Hexa Core หรือ 6 คอร์ 12 เทรด นั่นเอง ซึ่งเป็นซีพียูในแบบเดสก์ทอปที่มีจำนวนคอร์มากที่สุดในโลกในขณะนี้ ส่งผลให้เกมหรือโปรแกรมใดๆ ก็ตามที่อาศัยพลังจากซีพียูที่มีจำนวนคอร์มากๆ ก็จะได้รับประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน มีขนาดของ L2 Cache เท่ากันที่ 256K ต่อคอร์ทำให้ซีพียูในรุ่นนี้จะมีอยู่ทั้งสิ้น 1.5MB (256Kx6) ส่วน L3 Cache นั้นจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12MB จากเดิมที่จะมีอยู่เพียง 8MB นอกจากนั้นยังได้เพิ่มคำสั่ง AES ซึ่งทำหน้าที่ในการเข้ารหัสของข้อมูลเข้ามาส่งผลให้การทดสอบในส่วนนี้จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น


  หนึ่งในเทคโนโลยีของ Core i7 ที่น่าสนใจอย่าง Turbo Boost ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิม ซึ่งจะทำงานอย่างอัตโนมัติสำหรับการทำงานใดๆ ก็ตามที่ใช้งานซีพียูเพียงคอร์ใดคอร์หนึ่ง ก็จะเพิ่มความเร็วของคอร์นั้นให้สูงมากขึ้นกว่าความเร็วมาตรฐาน เพราะปรกติแล้วการทำงานในบางอย่างคอร์ทุกตัวไม่จำเป็นต้องทำงานพร้อมกันหมด อาจจะมีเพียงคอร์ใดคอร์หนึ่งเท่านั้นที่ทำงานอยู่ ส่วนที่เหลือก็อาจจะปิดการทำงานเอาไว้ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานและลดความร้อนในส่วนของคอร์ที่ปิดการทำงานอยู่แล้ว ยังไปเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้นสำหรับคอร์ที่ใช้งานอยู่ด้วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปกว่าเดิมถึงแม้ว่าจะใช้งานเพียงแค่คอร์เดียวก็ตาม นับว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจของ Core i7 ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว โดยตัว Core i7-980X รุ่นนี้จะมีความเร็วมาตรฐานที่ 3.33GHz แต่เมื่อใช้งานในโหมด Turbo Boost แล้วก็จะเร่งความเร็วสูงขึ้นไปเป็น 3.6GHz ได้อย่างอัตโนมัติ


  ชิปเซ็ต Northbridge ที่ใช้กับซีพียูในรุ่นนี้ก็ยังคงใช้ Intel X58 เช่นเดิมและก็ยังเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ออกมารองรับซีพียูในตระกูล Gulftown โดยหลังจากที่ตัวเมมโมรีคอนโทรลเลอร์ได้ถูกนำไปใส่ไว้ในซีพียู Core i7 ทำให้ Intel X58 จึงทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ I/O hub เท่านั้น ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างกราฟิกการ์ด PCI Express 2.0 กับตัวซีพียู ที่อัพได้สูงสุดถึง 36 เลน พร้อมกับการรองรับ ATI CrossFireX และnVidia SLI ได้ทั้งสองเทคโนโลยี ส่วนตัวชิปเซ็ต Southbridge ICH10 และ ICH10R นั้นก็ยังคงเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บนเมนบอร์ดรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการควบคุมพอร์ตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SATA2 ทั้ง 6 พอร์ต ที่รองรับเทคโนโลยี Intel Matrix Storage และ Intel Turbo Memory ส่วน USB 2.0 จะต่อได้สูงสุดถึง 12 พอร์ต แลน ระบบเสียง รวมไปถึง PCI Express x 1 ได้ถึง 6 สล็อตด้วยกัน






   เป็นซีพียูที่ร้อนแรงที่สุดในโลกขณะนี้และถือเป็นการเปิดตัวซีพียูหกคอร์เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย ในด้านประสิทธิภาพก็คงไม่น่าแปลกใจอะไรนักเพราะไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในส่วนไหนก็มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเหนือ Core i7 รุ่นก่อนหน้านี้ทุกรุ่น แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าแล้วก็คงต้องชั่งใจกันดูซักหน่อยเนื่องจากราคาค่าตัวนั้นสูงถึงสามหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว โดยถ้าเป็นผุ้ที่ทำงานด้านการตัดต่อภาพยนตร์หรืองานด้านกราฟิกก็อาจจะคุ้มค่ากับระยะเวลาในการทำงานที่ลดน้อยลง แต่ถ้าคิดจะซื้อมาเพื่อเล่นเกมหรือทำงานเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น